ทำความเข้าใจ Regular License และ Extended License

บางคนเคยซื้อ Theme หรือ Plugin จาก ThemeForest.net เพื่อนำมาให้งาน แล้วจะเห็นว่าเราสามารถเลือกซื้อได้ 2 แบบ คือ แบบ Regular License และ Extended License ซึ่งมันคือลิขสิทธิ์การนำไปใช้งาน

ซึ่งทั้ง 2 แบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร ผมไปเจอบทความจากเว็บไซต์ wpthaiuser.com จึงได้เข้าใจ

เลยคัดลอกมาให้อ่านกันครับ  ที่มาคือ wpthaiuser.com

======== ดังนี้ ========

เรื่อง License หรือสิทธิ์การใช้งานสำหรับธีมที่ซื้อจาก Themeforest

License จะมีอยู่ 2 แบบ นั่นก็คือ Regular License และ Extended License ทั้ง 2 แบบนี้ อนุญาติให้มีสิทธิ์ใช้โดยคนคนเดียว ไม่ว่าเราจะใช้เอง หรือเราทำเว็บให้ลูกค้า You or one client ถ้าเราทำเว็บให้ลูกค้า ก็ถือว่าลูกค้าเป็นคนถือ License ดังนั้นเราจะนำไปใช้กับลูกค้าคนอื่นอีกไม่ได้ และต้องเป้น Single end product คือเป็นโปรดักส์เดียวเท่านั้น ถ้าหมายถึงธีม โปรดักส์ก็คือเว็บที่ทำเสร็จแล้วนั่นเอง

ไม่ว่าจะ Regular License หรือ Extended License ก็สามารถใช้ทำเว็บได้เพียงเว็บเดียวเท่านั้น

สิ่งที่ต่างกันนอกจากราคาแล้ว สำหรับ 2 License นี้ก็คือ คำว่า end users are not กับ can becharged for นั่นเอง

license-themeforest

ปกติแล้วสำหรับธีม WordPress นั้นเราจะใช้เป็น Regular Licese อยู่แล้วค่ะ ทำเว็บนึงก็ซื้อทีนึง เพราะเว็บถือเป็น end product และไม่มีการนำไปทำเป็นสินค้าเพื่อขายหรือบริการอยู่แล้ว ทำให้ลูกค้ามันก็เป็นของลูกค้า มันจะจำเป็นต้องใช้ Extended License ก็ต่อเมื่อ เราทำเป็นโปรดักส์ที่มีการชาร์จเงินจาก end users (ผู้ใช้งานเว็บเราหรือเว็บของลูกค้าเรา) เช่น เราทำเว็บ (ของเรา) หรือ ทำเว็บให้ลูกค้า แต่เว็บนั้นเป็นเว็บที่ให้บริการทำเว็บไซต์สำเร็จรูปรายปี อย่าง wordpress.com หรือ wix.com ซึ่งจะมีเทมเพลตให้เลือกมากมาย หากเราต้องการซื้อธีมนี้ไปสำหรับให้ลูกค้าของเราหรือของพวกเขาใช้บริการ โดยคิดค่าบริการรายปี ก็เท่ากับว่าได้มีการชาร์จเงินเกิดขึ้นกับ end users ดังนั้น ในกรณีแบบนี้เท่านั้นเราจึงจะต้องการ Extended License ไม่ใช่ว่าจะซื้อ Extended License เพื่อจะนำไปใช้ทำเว็บกี่เว็บก็ได้ ผิดค่ะ ใช้ได้แค่กับเว็บเดียวโดนเมนเดียวเท่านั้นเหมือนกันค่ะ (ไม่นับเว็บทดลองหรือ Localhost ที่ยังไม่ถือว่าเป็น end product)

 

เรามาดูรายละเอียดของ Extended กันเพิ่มอีกหน่อย เพราะรู้สึกว่าหลายๆ คนยังเข้าใจผิด

กรณีของธีมจะไม่ชัดเจน เพราะจริงๆ แล้วธีมแทบไม่จำเป็นต้องใช้ Extended License สำหรับการทำเว็บทั่วไป มาดูกรณีอื่นกันดีกว่าค่ะ

Extended สำหรับ Icon คือการที่เราซื้อไอคอนไปทำแอปแอปนึง แอปตัวนี้ถือเป็น end product นะคะ แต่เมื่อมีการขายแอป ก็เท่ากับว่า end uses นั้น ถูก charged คือถูกเก็บค่าบริการ ดังนั้นแบบนี้จำเป็นต้องใช้ Extended License แต่ถ้าแอปนั้นสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการก่อน ก็ใช้เพียงแค่ Regular License ก็ได้ค่ะ

Extended สำหรับ Graphic เช่น เราซื้อภาพกราฟฟิกอาร์ตไปสกรีนลายเสื้อ เสื้อถือว่าเป็น single end product ค่ะ แม้ว่าจะขายหลายตัวก็ตาม กรณีนี้เราทำเสื้อขาย เราต้องซื้อ Extended License ค่ะ แต่ตราปใดที่ end users ไม่ได้ถูกชาร์จค่าบริการ เช่น คุณทำป้ายโฆษณานิทรรศการหนึ่ง ซื้อแม้นิทรรศการนั้นเก็บค่าเข้าชม แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ Extended Licese เพราะ end product ในที่นี้คือป้ายโฆษณา ไม่ใช่นิทรรศการ เช่นเดียวกันกับถ้าคุณเอาไปทำเป็นโลโก้สินค้า หนึ่งโลโก้สามารถใช้ได้กับสินค้าไม่จำกัด เพราะในที่นี้โลโก้ก็คือตัว end product แต่ไม่ใช่ว่าสามารถจะนำเทมเพลตของโลโก้ที่ซื้อมารอบเดียวไปทำเป็นโลโก้ 4-5 แบบได้เพราะแบบนี้ไม่ถือว่าเป็น single end แล้ว (single = 1) อันนี้ต้องซื้อ 1 อันต่อ 1 โลโก้ 5 โลโก้ก็ต้องซื้อแบบ Regular 5 ครั้ง

Plugins ในส่วนของ Plugins นั้นระหว่าง Regular License กับ Extended License จะค่อนข้างชัดเจนกว่าธีมมาก ในกรณีที่เราทำเว็บ 1 เว็บ เว็บนี้ถือเป็น single end product เรียบร้อยแล้ว เราสามารถที่จะใช้ปลั๊กอินที่ซื้อมากับเว็บนี้ได้เว็บเดียว หากเราจะใช้กับเว็บอีกเว็บหนึ่งก็ต้องซื้ออีกรอบ

กรณีไหนที่เราจำเป็นจะต้องใช้ Extended License สำหรับปลั๊กอิน?

กรณีที่ single end product ของเราไม่ใช่เว็บ แต่เปลี่ยนเป็นสินค้าอย่างอื่นที่ต้องการนำไปขาย เช่น เราต้องซื้อแบบ Extended License หากเราเป็นคนเขียนธีม แล้วธีมนั้นเป็นธีมที่มีไว้ขาย ตัว single end product ในที่นี้คือธีม ไม่ใช่เว็บและจะต้องเป็นธีมเดียวเท่านั้น ธีมเดียวแต่คนโหลดเป็นแสนก็คือธีมเดียวนะคะ อย่าเข้าใจผิดไปนับจำนวนคนใช้กับจำนวนธีม ในกรณีนี้เมื่อปลั๊กอินถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของธีมที่ end users คือคนที่ดาวน์โหลดธีมของเราจะต้องเสียเงินซื้อธีมที่มีปลั๊กอินนี้อยู่ไปด้วย กรณีเช่นนี้แหละค่ะที่เราต้องใช้ Extended License เราจะเห็นกรณีนี้บ่อยๆ เวลาเราซื้อธีมฮิตที่มักจะมีปลั๊กอิน Visual Composer, Slider Revolution ฯลฯ ใส่มาด้วย เป็นต้น และหากเราเขียนธีมอีกธีมขึ้นมาเพื่อทำแบบเดียวกัน เราก็ต้องซื้อ Extended อีกรอบเหมือนเวลาเราใช้ Regular License ที่ซื้อเว็บต่อเว็บ เพราะถ้าใช้กับธีมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา มันจะกลายเป็น another end products ซึ่ง License จะไม่ครอบคลุมแล้วค่ะ เขามีแค่  Single end product

หรืออีกกรณีหนึ่ง เช่น เราซื้อปลั๊กอินทำเว็บบอร์ดไปลงในเว็บ แต่เว็บบอร์ดนั้นต้องจ่ายค่าสมาชิกก่อน จึงจะสามารถที่จะเข้าถึงได้ แบบนี้ถือว่าต้องใช้ Extended License ค่ะ ส่วนปลั๊กอินอื่นที่อยู่ในส่วนของฟรี ใครๆ ก็เข้าดูได้ ก็ใช้ Regular License  ตามปกติ

เพิ่มเติม http://themeforest.net/licenses/faq

 

ขอบคุณที่มาของบทความคือ wpthaiuser.com